วันที่ 20 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายนิวัติชัย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการ สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 และเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนฯ
สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท. และ นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการฯ มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบการทุจริตในภาครัฐ 2 และ พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 1.นายอัครเดชฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 22/67 ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2567 สถานที่จับกุม บริเวณท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ ถนนดำรงรักษ์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 2.นายปรีชาฯ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 23/67 ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2567 สถานที่จับกุม บริเวณหน้าสวนสุขภาพอ่างสุระ ๒ ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา 3.นางวิไลลักษณ์ฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 24/67 ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2567 สถานที่จับกุม บริเวณกระทรวงคมนาคม ถนนราชดำเนินนอก แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 4.นายโชคศักดิ์ฯ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ 25/67 ลงวันที่ 18 มิ.ย. 2567 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ หมู่ที่ 8 ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” (ป.อาญา ม.151,157,172,83 และ พ.ร.ป.ปปช.มาตรา 172)
พฤติการณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ทำการสืบสวน กรณี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.66 ได้มีผู้กล่าวหา ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. จังหวัดนครราชสีมา ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากการปล่อยปะละเลยให้โรงงานแห่งหนึ่งปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ ส.ป.ก. เป็นเหตุให้ทรัพยากรบริเวณดังกล่าวเสียหาย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นบ่อน้ำ และมีน้ำเสียปะปนอยู่
เมื่อตรวจสอบรายละเอียดพบว่าโรงงานดังกล่าวครอบครองที่ดินของ ส.ป.ก. โดยมิชอบ ตั้งแต่ปี 2521 และได้ทำการขุดบ่อปล่อยน้ำเสียจากโรงงานลงในที่ดินของ ส.ป.ก. มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
เมื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม พบว่ามีการฉ้อฉล ปลอมเอกสารสิทธิ์ เร่งรัดดำเนินการการออกหนังสืออนุญาตให้ เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) บริเวณดังกล่าวให้กับประชาชนจำนวน 13 ราย เพื่อให้ได้รับสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินสามารถถือครองที่ดินแทนบริษัทในลักษณะเป็นนอมินี โดยระบุว่ารับกระจายสิทธิมาจากโรงงานอุตสาหกรรมนี้ เพื่อเลี้ยงปลา และเพาะเลี้ยงสาหร่าย ซึ่งโดยสภาพพื้นที่ไม่อาจอนุญาตให้ประชาชนเข้าทำการเกษตรได้
ซึ่งการกระทำนี้ ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานสังกัด ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา และการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. อันทุจริตนี้ เป็นเหตุให้ที่ดินของ ส.ป.ก. เสียหายกว่า 600 ไร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย และขอหมายค้น จำนวน 14 จุด
จนวันนี้ บก.ปปป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และได้รับการประสานงานจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา ได้วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหา และเข้าค้นจุดต้องสงสัย พร้อมกัน 14 จุด ในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา อุดรธานี และกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทีมคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาฯ เป็นผู้ประสานงานกับเลขาธิการ ส.ป.ก. สนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา และนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทุกรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน