จากกรณี นายปราโมทย์ ศิวาโมกข์ อายุ 95 ปี เจ้าของห้องเช่า ได้จ้างนายเจ ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้บริการมานานกว่า 7 ปี ให้มาซ่อมเครื่องซักผ้าและตู้น้ำหยอดเหรียญ ที่ติดตั้งไว้หน้าห้องเช่าของ ตาปราโมทย์ หลังซ่อมเสร็จ ตา ปราโมทย์ ไม่มีเงินสด ได้ให้บัตรเอทีเอ็ม ช่างเจ ไปกดเงินค่าแรงจำนวน 3,000 บาท แต่ช่างเจ ได้แอบกดเงินออกไปอีก 2 ครั้ง รวมทั้งหมดจำนวน 43,000 บาท ต่อมา ตาปราโมทย์ ได้นำเงินจากการเก็บค่าเช่าห้องไปเข้าบัญชี ถึงได้ทราบว่าเงินถูกกดออกไป จึงเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ช่วยติดตามตัว นายเจ มารับผิดชอบ
ล่าสุด เวลา 10.00 น.วันที่ 12 ก.ค.67 นาย เจ อายุ 33 ปี ช่างซ่อม ได้เดินทางมาที่บ้านของ ตา ปราโมทย์ เพื่อกราบขอโทษและ นำเงินจำนวน 4 หมื่นบาท ที่แอบกดไปมาคืน
นายเจ กล่าวว่า ตนซ่อมเครื่องซักผ้าให้กับตาปราโมทย์ มานานกว่า 7 ปี แล้ว วันเกิดเหตุได้มาซ่อมเครื่องซักผ้าและตู้น้ำหยอดเหรียญ ที่หน้าห้องเช่า หลังซ่อมเสร็จ ตาปราโมทย์ ไม่มีเงินสด จึงให้บัตรเอทีเอ็ม และเขียนรหัส ให้ตนไปกดเงินค่าซ่อมและค่าอะไหล่ จำนวน 3,000 บาท ตอนนั้นตนมีปัญหาเรื่องเงิน ต้องจ่ายค่าแชร์ และค่าใช้จ่ายในร้าน ตนยอมรับผิดเรื่องที่แอบกดเงินของ ตาปราโมทย์ พอเห็นข่าวจึงรีบเดินทางมากราบขอโทษ และจะนำเงินจำนวน 40,000 บาท มาคืนให้ โดยวันที่ 23 ก.ค.67 จะนำเงินมาคืนและพาตาปราโมทย์ นำไปเงินเข้าบัญชีที่ธนาคารด้วยกัน ต่อไปหากมาซ่อมเครื่องซักผ้า ตนจะไม่ไปกดเงินอีก จะให้ทางคนดูแลหรือคนใกล้ชิดของ ตาปราโมทย์ ไปทำธุรกรรมแทน
ทางด้าน ตาปราโมทย์ กล่าวว่า ตนให้อภัยช่างเจ เพราะให้เขามาซ่อมเครื่องซักผ้ามานานแล้ว ไม่คิดโกรธ ต่อไปก็ยังจะให้ช่างเจ มาซ่อมเหมือนเดิม หากช่าง เจ นำเงินมาคืนก็จะเอาไปเข้าบัญชี และจะไปขอบคุณผู้จัดการธนาคารด้วย เพราะวันแรกที่ทราบว่าเงินหายไป ผู้จัดการกลัวว่าตนจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ถ้าหากช่างเจ นำเงินมาคืนแล้ว จะลงถอนแจ้งความที่โรงพักทันที
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดนนทบุรี รายงาน