รวบสาวบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดบัญชีแลก 1,500 บาท เจอหมายจับติดตัว 5 คดี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบกป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ และ พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป.

ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.กรรยาฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 หมายจับ ได้แก่

1. ศาลจังหวัดนาทวี ที่ 151/2566 ลงวันที่ 3 เมษายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น”

2.หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.711/2565 ลง 6 ธันวาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงแดงตนเป็นบุคคลอื่น และ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จอันน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด”

3.หมายจับศาลอาญา ที่ 2128/2566 ลง 4 กรกฎาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

4.หมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ที่ 168/2566 ลง 9 สิงหาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมเอกสารราชการหรือใช้เอกสารราชการปลอม, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จอันเป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

5.หมายจับศาลแขวงอุดรธานี ที่ จ.34/2566 ลง 13 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ผู้อื่น”

สถานที่จับกุม ในพื้นที่ ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

พฤติการณ์ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ จึงได้ตรวจสอบพบว่า น.ส.กรรยาฯ ผู้ต้องหามี หมายจับในคดีเกี่ยวกับคดีฉ้อโกง รวมจำนวน 5 หมายจับข้างต้น ซึ่งจากการตรวจสอบรายละเอียดคดีพบว่าคนร้ายได้นำบัญชีธนาคารซึ่งเป็นชื่อของผู้ต้องหารายนี้ไปใช้ในการรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เช่น อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้เพื่อตรวจสอบ, หลอกให้ร่วมลงทุนขายสินค้าออนไลน์โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง และหลอกขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนร่วมกันจับกุมผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.จะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามสอบถาม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การเพียงว่าเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตนได้รับจ้างเปิดบัญชีให้กับไกด์ชาวจีนรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยได้รับค่าจ้างบัญชีละ 1,500 บาท และหลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อไกด์ชาวจีนคนดังกล่าวได้อีก จึงเชื่อว่าไกด์ชาวจีนคนดังกล่าวน่าจะเป็นผู้ที่รวบรวมบัญชีเพื่อส่งให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปใช้ในการรับโอนงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายในรูปแบบต่างๆ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยประชาชน สำหรับการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือยอมให้ ผู้อื่นเอาบัญชีไปใช้ถือเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้อื่นนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดผู้ที่เปิดบัญชีอาจต้องรับโทษในความผิดนั้นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน