เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 สืบทราบจากสายลับ ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ ลักษณะตำหนิรูปพรรณคล้ายกลุ่มชาวยูเรเซีย จะมาปรากฏตัวบริเวณห้างสรรพสินค้าไอทีชื่อดังแห่งหนึ่ง ใน กรุงเทพมหานคร จึงได้สนธิกำลัง หลายนาย กระจายกำลังอยู่โดยรอบ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. พบตัวบุคคลต่างด้าวรายหนึ่ง รูปร่างกำยำ สันทัด มีตำหนิรูปพรรณตามที่สายลับแจ้งข่าว จึงแสดงตัวขอตรวจสอบพร้อมทั้งแสดงหมายจับ
ทราบชื่อ นายอาเมียร์ มุสตาฟาร์ (MR.Amir Mustafa) อายุ 26 ปี สัญชาติตุรกี บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ใน ความผิดฐาน วิ่งราวทรัพย์ , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไส้สำหรับตน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
ผู้ถูกจับได้ตรวจสอบหมายจับดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ถูกจับให้การรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันบุคคลตามข้อมูลหมายจับดังกล่าวจริงและไม่เคยถูกจับกุมตามความผิดตามหมายจับมาก่อนแต่อย่างใด พฤติการณ์ในการก่อเหตุนั้น ทราบจากแหล่งข่าวว่า การที่ผู้ต้องหาพยายามตามง้อแฟนสาวอยู่เป็นเวลานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยความหึงหวง เมื่อสบโอกาสพบแฟนสาว อยู่บริเวณลานลานจอดรถห้างดังแห่งหนึ่งใจกลาง กทม.จึงกระชากโทรศัพท์ของแฟนสาว และหลบหนีไป ในเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันแจ้งสิทธิให้ทราบ และแจ้งว่าจะต้องถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าว จากนั้นจึงได้ร่วมกันเชิญตัวมายังที่ทำการ กก.สืบสวน บก.ตม.1 เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุมและได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางจากหนังสือเดินทางหมายเลข S21099609 ที่ระบุไว้ในหมายจับพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริงโดยเคยใช้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทยแล้วจำนวน 14 ครั้ง จากนั้นควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวกรุงเทพมหานคร ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน