วันที่ 3 ก.ค. 67 คุณภัคธินันท์ ฐิติวรากรพัชร์ (พลอย) ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนมั่นใจว่าสามีตนมีชู้ทั้งหมด 4 คน คนที่ 1 รู้หลังจากแต่งงานเมื่อ 28 มิถุนายน 2563 ก่อนแต่งคบกันมาประมาณ 6 ปี ตอนแต่งแรกเริ่มเดิมทียังไม่ได้จดทะเบียนสมรส เพราะสามีต้องบินไปเก็บตัวที่ต่างจังหวัด ช่วงนั้นตนท้อง จึงไปอยู่กับสามีประมาณ 1 เดือน
เมื่อตนรู้เรื่องชู้คนแรก ก็จดทะเบียนสมรส เพราะตนเพิ่งคลอดลูกได้ 2 เดือน ระหว่างนั้นตนก็จับได้ว่าสามีแอบมีชู้ จึงได้พูดคุยกับสามี ว่า จะเลิกหรือรักษาความเป็นครอบครัว สามีบอกอยากรักษาการเป็นครอบครัว ตนจึงได้จดทะเบียนสมรส สามีขอโอกาสกับตนว่าจะไม่ทำอีก หลังจากจดทะเบียนตนก็เห็นคลิปความสัมพันธ์ของสามีกับชู้ ทั้งที่สามีสัญญาแล้วว่าจะเลิก โดยชู้คนที่ 1 เคยโทรมาระรานตนกับลูก จนฝ่ายชู้ไปมีแฟนใหม่ถึงเลิก
คนที่ 2 ครั้งแรกที่จับได้เหมือนเขาคุยกันมาตลอด เป็นสายเปย์ ซื้อของให้สามีตลอด ตนจับได้เพราะเห็นในแชต ก่อนจะถามว่าทำไมไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ สามีอ้างว่าเป็นเรื่องเงิน ถ้าเลิกกันต้องนำเงินไปคืนผู้หญิงคนนี้ทั้งหมดถึงจะเลิกยุ่งได้ สุดท้ายตนไปเคลียร์ปัญญาให้ ให้ฝ่ายหญิงรวมยอดและเขียนสัญญาตนคิดว่าจ่าย ๆ ไปจะได้จบ เงินเดือนของสามีตนก็เอามาปิดหนี้ส่วนนี้ก่อน หลังจากฝ่ายหญิงได้เงินก็เลิกรากันไป เพราะหลังจากนั้นตนไม่เห็นสามีติดต่อกับผู้หญิงคนนี้อีก
คนที่ 3 เกิดเมื่อสามีย้ายไปเตะบอลอีกจังหวัดหนึ่ง จริง ๆ ตนจับได้ทุกจังหวัด ณ ตอนนั้นตนเลี้ยงลูกอยู่ที่ห้อง เริ่มมีปากเสียงกัน ตนทนอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ ได้รู้เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาตน อ้างว่า ขอโทษที่มายุ่งกับสามีตน อยู่ดี ๆ สามีโทรมาหา บอกว่าให้ตนช่วยบอกเลิกฝ่ายหญิงบอกว่าตนเป็นภรรยาและให้เลิกยุ่ง เหมือนว่าที่ผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจเพราะจับได้ว่าสามีตนมีผู้หญิงคนอื่น สุดท้ายไม่มีใครเลิกยุ่ง จะมีก็แต่ระยะทางไกลกันจึงทำให้ห่าง ๆ กันไป หรือฝ่ายหญิงไปมีคนใหม่เอง
คนที่ 4 จับได้ตอนเดินทางไปเชียงใหม่ ตนเห็นสามีนั่งทานข้าวกับผู้หญิง ก็ถามว่าทำไมถึงอยู่ด้วยกัน สามีอ้างว่าเป็นพี่ที่รู้จัก พอสามีกลับมาอยู่ที่บ้านก็สานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ต่อ โดยทางฝ่ายหญิงเพิ่งจะแต่งงานไปเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนหน้าที่ฝ่ายหญิงจะแต่งงานตนจับได้แล้วครั้งหนึ่ง ณ ตอนนั้นสามีก็ขอโอกาสว่าอย่าเอาเรื่องไปบอกสามีฝ่ายหญิงเพราะจะโดนทำร้าย สามีตนรู้ว่าทางฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้วด้วย ฝ่ายหญิงก็รู้ว่าสามีตนมีภรรยาซึ่งคือตนอยู่
ล่าสุด สามียังมีความสัมพันธ์กับคนที่ 4 อยู่ อ้างว่า เป็นเพื่อนกันไปกินข้าว ไปเที่ยว ทำไม่ได้เหรอ? ทุกคนรู้หมดว่าสามีของตนมีเมียมีลูก ทุกวันนี้ที่ยังอยู่ก็เพราะลูก ค่าใช้จ่ายทุกวันนี้หายขาดจากสามีไปประมาณ 7 เดือน ตนทำงานเลี้ยงลูก ซึ่งตอนนี้ติดต่อทางฝ่ายสามีไม่ได้เลย ที่ตนไม่ได้ตามสามีไปทุกจังหวัดเพราะตนก็ต้องทำงานไม่อยากให้สามีมองว่าสามีทำงานหาเงินอยู่คนเดียว ตนอยากให้สามีกลับมาเคลียร์กันให้จบ
ทางด้าน วัน เพื่อนสนิทของภรรยาหลวง เล่าว่า เหมือนพลอยจะเป็นซึมเศร้า ตนต้องอยู่ข้าง ๆ ตลอด พยายามพาทำกิจกรรมคลายเครียด พออยู่คนเดียวก็นั่งซึม นั่งเหม่อ ชู้คนที่ 3 เขาบอกว่า มีเมียแล้วไม่เป็นไร เขาไม่ได้เอาเมีย เขาเอาผัว เขาอยากแอบแซ่บ เคยมีเหตุที่สามีพลอยทะเลาะกับชู้เพราะไปมีคนอื่น ก่อนมาสั่งให้พลอยไปช่วยเคลียร์ให้ ชู้คนที่ 4 ต่างฝ่ายต่างรู้ว่ามีสามีและภรรยา สรรพนามที่ใช้เรียกพลอย คือ มึง กู ในขณะที่เรียกคนอื่นใช้เมียจ๊ะเมียจ๋า ที่ผ่านมาตนถามพลอยเสมอว่าไหวไหม ถ้าวันหนึ่งไปกันไม่ได้จริง ๆ ก็เคารพในการตัดสินใจของพลอย
ในขณะที่ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ความเห็นว่า เริ่มมีการข่มขู่ มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง ๆ ที่มีทะเบียนสมรส ตนจึงต้องหาหนทางช่วยเหลือคุณพลอย เมียน้อยคุณพลอยแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย ตนต้องการให้คนกลางหรือสามีและภรรยามาเคลียร์กัน ถ้าฝ่ายสามีดูรายการอยู่ อยากบอกว่า เมื่อมีลูกด้วยกันแล้ว 10 ปีแล้ว ผู้หญิงอื่นที่เข้ามาไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ ต้องมองมาที่ภรรยาเป็นสำคัญ คนอื่นรู้อยู่แก่ใจว่ามีภรรยาแล้วยังมายุ่งแสดงว่าบกพร่องในศีลธรรม ต้องแยกแยะถูกผิดให้ได้ ถ้าท้ายที่สุดแล้วความรักไปด้วยกันไม่รอด ก็มีลูกควรหันมามองลูก เป็นพ่อและแม่ให้ลูก ต้องไม่หายไป ต้องเป็นสุภาพบุรุษทั้งในสนามและนอกสนามด้วย
ส่วน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นด้านกฎหมายว่า จากหลักฐานสามารถฟ้องร้องได้ อายุความ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่รู้ชัดว่าเมียน้อยชื่อนั้น ๆ ให้รีบฟ้องภายใน 1 ปี เมื่อพ้น 1 ปี ฟ้องไม่ได้ เรียกค่าสินไหมทดแทนไม่ได้ เรื่องชู้คนที่ 2 ความจริงหนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เหตุเกิดจากการที่ฝ่ายหญิงให้ฝ่ายชายโดยเสน่ห์หา ตนสงสัยว่าฝ่ายชายอาจจะมีส่วนรู้เห็น เพราะไม่ได้เป็นหนี้ที่มีการกู้หนี้ยืมสิน ถ้าใครเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ต้องจ่าย อยากได้ให้ไปฟ้องเอา ถ้าข้อตกลงทำเป็นลายลักษณ์อักษรมันแน่นอนกว่า เช่น ฟ้องหย่าเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่น ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร การที่เราฟ้องมันเป็นสิทธิ์ที่ทางศาลรับผิดชอบ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก terodigital