เมื่อเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 6 ก.ค 2567 ที่ วัดครุนอก ซอยสุขสวัสดิ์ 47 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้มี น.ส.กนกวรรณ เรืองกิจ อายุ 58 ปี และ นาง กานต์มณี ปาดสี อายุ 63 ปี ได้เข้าพบกับ พระมหาเพชร (ภทุทจาโร) พระวินยาธิการหรือตำรวจพระ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดครุนอก ร้องเรียนพระสงฆ์ 1 รูป ที่เป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดครุใน ชื่อ พระสง่า ฉินนาลโย สอนสิริ อายุ 83 ปี แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เกี่ยวกับการเดินบิณฑบาต และ ทวงหนี้เงินกู้กับแม่ค้า
โดยมีชาวบ้านได้บันทึกคลิปภาพเกิดเหตุไว้ได้ เวลาประมาณ 07.30 น. ขณะที่ น.ส.กนกวรรณ แม่ค้าขายทอดมัน ผู้เสียหาย กำลังขายของอยู่ และมี นางกานต์มณี ชาวบ้านที่ออกมาใส่บาตร กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ร้าน ก็มี พระสง่า เดินบิณฑบาตผ่านมา แล้วเดินเข้ามาหา น.ส.กนกวรรณ ทวงถามเงินที่เอาไป ก็ได้พูดคุยกันและทวงถามเรื่องเงิน จนเกิดมีปากเสียงกัน
ทาง นางกานต์มณี จึงได้ช่วยพูดคุย ทำให้พระสง่าไม่พอใจ ทำการต่อว่า นางกานต์มณี ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ นางกานต์มณี จึงได้บอกพระสง่าไปว่า เป็นพระเป็นเจ้า ไม่สมควรทำพฤติกรรมแบบนี้ มันไม่เหมาะสม และการที่มาออกเงินกู้อีก มันก็ผิดศีล นั่นจึงทำให้ พระสง่า ออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน นางกานต์มณี จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาอัดคลิปวีดีโอไว้ ส่วนทางด้าน พระสง่า ก็ยังไม่เกรงกลัว ได้เดินออกไปพร้อมยกเท้าให้กับนางกานต์มณี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ได้เข้าร้องเรียนกับพระมหาเพชร ซึ่งเป็นพระวินยาธิการ เพื่อให้ตรวจสอบพระรูปดังกล่าว เพราะหากปล่อยไว้ จะทำให้ศาสนาและพระสงฆ์ที่ดี ๆ ได้รับความเสื่อมเสียไปด้วย ทางด้านพระมหาเพชร ก็ได้รับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว และจะส่งเรื่องรายงานไปยัง พระครูโสภณวัชรปราการ (สุรพล กนฺตจารี) เจ้าคณะตำบลบางครุ เจ้าอาวาสวัดครุนอก เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนทางหน่วยงาน สำนักพุทธจังหวัดสมุทรปราการ กอ.รมน.จ.สมุทรปราการ ฝ่ายปกครองอำเภอพระประแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง และเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลเมืองลัดหลวง ได้ลงพื้นที่จัดระเบียบพระสงฆ์ที่ออกรับบิณฑบาตภายในตลาดครุใน หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีพระนั่งบิณฑบาตตามร้านขายอาหาร
จนกระทั่ง ได้ไปพบพระที่เดิมบิณฑบาตรในตลาดครุในประมาณ 5 รูป และจึงได้นิมนต์มาเพื่อพูดคุยและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าว หนึ่งในนั้นก็มี พระสง่า รวมอยู่ด้วย ซึ่งก็ได้มีการทักท้วงตักเตือนไปในตอนนั้น แต่พระสง่าก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพิ่งกลับมามีเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้น
ในขณะที่ นางสาวกนกวรรณ กล่าวว่า เดิมทีหนูไปเอาก่อนคนแรก เสร็จแล้วเพื่อนเดือดร้อน หนูก็เลยพาเพื่อนไป แล้วก็ตกลงส่งรายวันกันแล้ว ก็ส่งไม่ไหว ที่ส่งไม่ไหวเป็นดอก ดอกร้อยละ 5 หนูบอกหลวงตา หนูไม่ไหวแม่หนูเจ็บ หนูเอาบ้านไปจำนำมาโปะหนี้เงินกู้ ที่น้องสาวหนูเอาไปแล้วหนีไป เราต้องเรารับผิดชอบเพราะว่ามันมาลงที่บ้าน ยอดทั้งหมด คนละ 7 พันเท่ากัน แต่คนชื่อนาไปเอาค่าไฟเค้ามาแล้วบอกว่าจะคืนแล้วไม่คืน พอเค้าไม่เอาเรื่องกับคนชื่อนา แต่จะมาเอากับเราคนเดียวเพราะเราเป็นคนพาไป เราต้องรับผิดชอบหมด
เราบอกว่าเรารับผิดชอบไม่ได้ ขอเวลาจ่ายค่าบ้านก่อน แล้วจะเอาดอก เราบอกว่าจะขอจ่ายวันละ 20 เค้าบอกว่าไม่พอให้หมามันกิน ก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง มีคนบอกว่าท่านปล่อยเยอะ ในสมุดเค้ามีเยอะ ดอกเค้าคิดร้อยละ 5 แต่ว่าไม่ได้จ่ายเค้านานแล้ว ที่ส่งไว้เป็นดอกไป อันนี้เค้ารวมยอดหมดเลย คือ 3 หมื่น ปีหน้าเราจะจ่าย เค้าพูดไม่รู้เรื่อง พอถึงเวลาอารมณ์ไม่ดีมาตรงนี้ เค้าเสียงดัง
ใส่ชุดพระสงฆ์มาทวงบ่อย เพราะบิณฑบาตทุกวัน พออารมณ์ไม่ดีก็มาว่าที่ร้าน ว่าประจานที่ร้านเสียงดัง เค้ารู้ทุกซอกทุกซอย เค้าไม่อยากยุ่งกับเรา แถวนี้พอมีเรื่องตัวใครตัวมัน ก็เลยมีปัญหาตลอด เราก็บอกแล้วนะไม่มีใครใช้ให้ เราก็จ่ายให้ แต่ขอเวลาเราหน่อย จะมาเอาวันละร้อยสองร้อยตอนนี้เราไม่มี ตอนนั้นที่เราไปเอาคือ แม่เราเจ็บแม่เราล้ม เราไม่มีเงินหาหมอไม่มีไปเอายาเราก็ไปเอาทีละพันสองพัน ไม่ได้เอามาเป็นก้อน สาเหตุที่เป็นหนี้ น้องสาวกู้และเพื่อนกู้ เราเป็นคนค้ำ หนีกันไปหมด
ส่าวน นางกานต์มณี เล่าว่า เริ่มแรกคือ พระ ไปทะเลาะกับแม่ค้า เพราะ แม่ค้าไปกู้เงินเขามา ตนเห็นคนที่มาทวงคือพระจึงดูไม่เหมาะสม ได้ถามไปว่า ท่านเป็นพระสามารถปล่อยเงินกู้ได้อย่างงั้นหรอ มันอาบัตินะ ทางเขาก็ถามกลับมาว่า รู้ได้ไง ขนาดเจ้าอาวาสในกรุงเทพก็ทำ ตนจึงมองว่าไม่ใช่เหตุที่จะต้องทำตามเลยและดูไม่เหมาะสม
จากนั้นแม่ค้าบอกให้ตนหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ แค่ตนไม่ได้ถ่ายหรอก แค่ตั้งท่าไว้เฉย ๆ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป พอมาอีกวันเขาก็เดินไปเลยไม่ได้แวะ แต่พออีกวันนึงเขาก็เดินเข้ามาบอกว่าถ่ายคลิปทำไม แล้วรู้ได้ไงว่าอาบัติ จากนั้น วันต่อ ๆ มาเขาก็มักจะเดินเข้ามาคล้ายหาเรื่องตลอด จนมาเมื่อวานก็ทำแบบเดิมซ้ำ จนตนรู้สึกไม่ปลอดภัย โดนหาเรื่องตลอด ตนก็พยายามจะไกล่เกลี่ย แต่ทางเขาก็ไม่ยอม
ส่วนเรื่องหนี้ทางเขาไม่ยกให้ ทางแม่ค้าก็ส่งไม่ไหว ตนจึงอยากช่วยแม่ค้า โดยช่วยจ่ายแต่ขอเริ่มปีหน้า แต่เขาก็ไม่ยอมอีก ตนจึงให้แม่ค้ารีบใช้หนี้ให้เขาไป เรื่องจะได้จบ แต่ทางพระก็บอกว่า ยุ่งอะไร ตนแค่พยายามช่วยไกล่เกลี่ยเท่านั้น เขายังถามอีกว่า ตนรู้เรื่องเกี่ยวกับสงฆ์ด้วยหรอ ตนก็แค่อยากบอกว่ามันดูไม่เหมาะสม หน้าที่ของพระคืออยู่ในศีลในธรรมและการเผยแพร่ศาสนา ไม่ใช่จะมาปล่อยในเงินกู้
ตนจึงให้ลูกถ่ายคลิปไว้ เพราะดูไม่เหมาะสม อาจจะทำให้ศาสนาดูเสื่อมลง จากเหตุเมื่อวานนี้ ที่มีการถ่ายคลิปเขาเหมือนท้าทาย บอกไม่กลัวเพราะตัวเขาก็ใกล้จะสึกแล้ว ตนจึงอยากฝากเตือนถึงคนที่ทำลักษณะแบบนี้ อยากให้อยู่ในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ทั้งการเผยแพร่การวางตัวให้ชาวบ้านเชื่อมั่นและศรัทธา กราบได้อย่างสนิทใจว่านี้คือตัวอย่างของลูกสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ รายงาน