เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครนายก เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินจากศูนย์กู้ชีพ ว่าให้กู้ชีพทุกหน่วยที่มีเรือเตรียมพร้อม หากมีเหตุขอความช่วยเหลือจากการมีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวติดอยู่ภายในบ้าน ถ้าเกิดเหตุน้ำท่วมเฉียบพลัน ขณะนี้รีสอร์ตบางแห่งได้อพยพนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานนำเรือท้องแบนและระดมอาสากู้ภัยไปยังพื้นที่ตำบลหินตั้ง โดยจุดนัดพบคือ สวนลุงเล็ก ซึ่งพบว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เป็นวงกว้าง และเริ่มลดระดับลงตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า พวกตนเดินทางมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหน้านี้พวกตนกำลังนอนพักอยู่ในห้องพัก จนมารู้ตัวอีกทีตอนน้ำไหลเข้าท่วมเตียง จนสะดุ้งรู้สึกตัว ตนและเพื่อนจคงรีบพากันออกมาจากห้อง เมื่อออกมาก็พบว่าน้ำที่ไหลเข้าท่วมไหลเชี่ยวแรง และสูงระดับเอว ทำให้รถยนต์ของพวกตนถูกน้ำท่วมพังเสียหายไป 1 คัน ส่วนอีกคันก็อาการไม่ค่อยดีแล้ว ซึ่งยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุไม่มีใครออกมาแจ้งเตือนล่วงหน้า
นายสิงหา บุตรอำคา อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง กล่าวว่า มวลน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า โดยมวลน้ำได้ค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ จนเอ่อล้นตลิ่ง ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่กี่นาที น้ำก็สูงขึ้นถึงระดับเอว โดยไม่มีการประกาศหรือแจ้งเตือนล่วงหน้า
นายสิงหา กล่าวต่อว่า เมื่อตนสามารถเดินลุยฝ่ากระแสน้ำที่เริ่มลดระดับออกไปภายนอกได้ ก็ทราบว่ามวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่นั้นถูกระบายมาจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ปล่อยน้ำจากประตูระบายน้ำด้านล่าง โดยตรงสะพานหน้าเขื่อนระดับท่วมสูงเกือบถึงสะพานขาด อีกประมาณ 1 เมตรก็ท่วมสะพานแล้ว ส่วนในรีสอร์ตตอนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวพักอยู่ประมาณ 20 กว่าคนซึ่งทุกคนไม่ได้รับอันตราย แต่ห้องพัก12 หลัง ข้าวของที่เก็บไม่ทัน รวมถึงรถยนต์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลที่ทางผู้ประกอบการที่พักริมน้ำ ให้ข้อมูลบอกว่า โดยปกติหากเขื่อนจะมีการปล่อยน้ำช่วงเวลากลางคืนจะมีการแจ้งเตือนผู้ประกอบการ รวมถึงชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณริมตลิ่ง เพื่อให้เตรียมรับมือ แต่วันนี้ไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน รีสอร์ต และนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก