ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ชุดปฏิบัติการ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม 1.นาย เติมลาภฯ อายุ 54 ปี 2.นาง นารีกานต์ฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดไชยา ที่ 27/2559 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2559 และ ศาลจังหวัดไชยา ที่ 28/2559 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” สถานที่จับกุม ห้างแห่งหนึ่ง แขวง สวนหลวง เขต สวนหลวง จ.กรุงเทพมหานคร และบริเวณหน้าห้องเช่า ถ.แฮปปี้แลนด์ สาย2 แขวงคลองจั่น เขต บางกะปิ จ.กรุงเทพฯ พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก นายเติมลาภฯ และนางนารีกานต์ฯ คู่สามีภรรยา ได้ชักชวนเหยื่อร่วมลงหุ้นทำธุรกิจเหมืองแร่ โดยจัดตั้งเป็นรูปแบบบริษัท ซึ่งอ้างว่าจะให้ผู้เสียหายเป็นรองประธานบริษัท เนื่องจากทั้งคู่เป็นญาติและสามารถได้ผลตอบแทนที่สูง จึงได้ตกลงส่งเอกสารเพื่อจัดตั้งบริษัทดังกล่าว
ต่อมา ช่วงปลายปี 2557 นางนรีกานต์ฯ ได้แจ้งให้ผู้เสียหาย โอนเงินเพื่อลงทุน และจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในกิจการเหมืองแร่ รวมมูลค่าความเสียหายล้านกว่าบาท และจาการตรวจสอบทั้งคู่ไม่ได้จัดตั้งธุรกิจหรือเปิดบริษัทแต่อย่างใด จากการสอบถามญาติและเพื่อนบ้าน ทั้งคู่ได้หนีไป โดยนางนารีกานต์ฯ นั้นได้หนีไปอยู่ประเทศลาว และนายเติมลาภฯ ได้หลบหนีอยู่ในประเทศไทย แต่ไม่ทราบว่าที่ใด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ทราบว่า นาง นารีกานต์ฯ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าห้างแห่งหนึ่ง แขวง สวนหลวง เขต สวนหลวง กรุงเทพมหานคร และนายเติมลาภฯ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าหอพัก ถนน แฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขต บางกะปิ จ.กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งได้พบหญิงมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับข้างต้นปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัวและได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นจนทราบว่าคือ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งให้ ทั้งคู่ ทราบว่าจะต้องถูกจับ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับดังกล่าว และแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามข้างต้นให้ทราบ และควบคุมตัวมาจัดทำบันทึกการจับกุม ณ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ก่อนนำตัวส่ง สภ.ท่าชนะเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน