ตร.รวบ อี๊ดสายไหม ขืนใจหลาน 7 ขวบ นาน 10 ปี ซ้ำร้ายเจ้าตัวติดเชื้อ HIV

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 จนท.ร่วมกับจับกุมตัว นายหนูการณ์ พวงแก้ว หรืออี้ด อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555 แขวงสายไหม เขตสายไหม จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.2010/2567 ลงวันที่ 2 พ.ค. 67

โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย”

พบประวัติการเคยถูกจำคุกราว 2 ปี ตั้งแต่ 11 มิ.ย. 57 ถึง 12 พ.ค. 59 ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองและเสพฯ” พื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ

จับกุมตัวได้ที่ บริเวณลานจอดรถหน้าบริษัททองไชย อุตสาหกรรม ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

พฤติการณ์กล่าวคือ “ถูกข่มขืนเกือบ 10 ปี” เรื่องราวของน้องบี นามสมมติวัย 16 ปี ถูกข่มขืนตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ซ้ำร้ายมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ด้วย น้องผู้เสียหายได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุดข่มขื่นนี้ผ่านทางเพจสายไหมต้องรอด ว่าตลอดระยะเวลาที่เธอพักอาศัยอยู่ย่านสายไหม จ.กรุงเทพฯ เธอถูก “ตาเลี้ยง” ใช้จังหวะที่ยายไม่อยู่บ้านลงมือข่มขืนเธออยู่เป็นประจำ โดยทุกครั้งจะไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งความเลวร้ายที่สุดคือ “ผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ติดเชื้อ HIV” และยังกล่าวอีกว่าเธอยังถูกข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตั้งแต่ที่เธออยู่ที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก นาทีนั้นเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอถูกกระทำนั้นคืออะไร รู้เพียงว่าเธอเจ็บและกลัวมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะถูกข่มขู่ห้ามบอกใครไม่งั้นจะขังเธอไว้ในเล้าเป็ดและพาไปขายซ่อง

ล่าสุดเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 67 ที่ผ่านมาและในปัจจุบันได้มีการออกหมายจับแล้วคือ นายหนูการณ์ อายุ 59 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะติดตามจับกุมตัว แต่การสืบสวนติดตามนั้นกลับกลายเป็น “งานหิน” เพราะผู้ต้องหานี้ทราบข่าวแล้วไหวตัว “หลบหนีสุดชีวิต”การคืนความยุติธรรมให้เด็กสาวผู้เสียหายเริ่มยาก เพราะงมโข่งไร้แสงปลายอุโมงค์อยู่หลายวัน จนกระทั่งได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่าเคยเห็นผู้ต้องหารายนี้ขับรถรับจ้างบนถนนบูรพาวิถีบริเวณจุดรอรถริมถนนของห้างอีเกียร์บางนา แม้จะเลือนรางแต่ก็เป็นเบาะแสจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ ชุดสืบสวนใช้ความพยายามขับรถไปๆมาๆอยู่บนถนนบูรพาวิถีกว่า 3 วัน 3 คืน ไล่ดูหน้าคนขับ Taxi , รถตู้ และรถทัวร์ กินนอนกันบนรถอย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งเช้าของวันที่ 28 พ.ค. 67 ได้พบกับรถทัวร์ลายกัปตันแจ็คแสปโรว์ ที่คนขับกำลังเปิดกระจกมาจ่ายค่าทางด่วน ใบหน้าอันคุ้นเคยที่ผ่านการจำมาก 3 วัน “มั่นใจ” ใช่แน่นอน สารวัตรแจ๊ะสั่งชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามแบบ “รถแห่” ขี่ตามรถทัวร์คันดังกล่าวไปแบบขบวนกฐิน กระทั่งรถคันดังกล่าวไปจอดส่งพนักงานโรงงานที่ริมถนนใน จ.ฉะเชิงเทรา ชุดสืบสวนจึงบุกเข้าชาจน์และจับกุมตัวได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายหนูการณ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ให้การว่า บ้านเกิดของตนอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี แต่พ่อและแม่มาทำงานที่กรุงเทพฯ จึงอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯตั้งแต่เด็ก ตนมีอาชีพขับรถเมล์โดยสารประจำทาง โดยได้วิชาจากพ่อที่มีอาชีพขับรถสิบล้อ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นตอนต้นปี 2567 ตอนนั้นตนยังขับรถเมลล์ร่วมบริการสาย 34 เมื่อเลิกจากงานจึงชักชวนหลานเลี้ยงมาคุยเล่นกันจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จนทนไม่ไหวได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการข่มขืน แต่เพราะหลานเลี้ยงมายั่วตนก่อน ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวว่าตนนำเชื้อ HIV ไปติดหลานเลี้ยงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยตรวจเลือดและไม่มีอาการของโรค HIV และไม่อยากที่จะตรวจ ส่วนโรคประจำตัวจะเป็นก็แค่โรคความดันต่ำ คดีนี้ตนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับว่าได้มีอะไรกับหลานสาวทั้งหมด 6 ครั้ง หลังเกิดเรื่องตนโทรไปเคลียร์แล้วแต่เคลียร์ไม่รู้เรื่อง และมีการออกข่าวเรื่องราวนี้ ตนจึงหลบหนีไปกบดารอยู่แถวสมุทรปราการ และได้แฝงตัวเข้าไปเป็นลูกจ้างรายวัน (คนขับรถทัวร์) โดยใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ สวมหมวก สวมแว่นเพื่อปิดบังอำพลางมิให้ใครรู้ ใช้ชีวิตกินนอนในปั๊มไม่นอนที่พัก แต่ก็มาถูกตำรวจสืบนครบาลมาจับกุม ตอนถูกจับกุมยอมรับว่าหน้ามืดจะเป็นลมเพราะคิดว่าตนเองหนีได้เนี๊ยบแล้วไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมได้”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ผมขอให้กำลังใจสำหรับน้องผู้เสียหาย จงเข้มแข็งและหากไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร ก็จงอยู่เพื่อตัวเอง เราจับกุมคนร้ายคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายแล้ว ขอให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ก้าวเดินไปอย่างเข้มแข็ง สำหรับผู้ต้องหาหลังจากนี้ก็ต้องไปชดใช้กรรมและรับบทลงโทษในสิ่งที่ตนก่อ ในรูปแบบที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งต่อตัวเด็กต่อสังคม กระผมมีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่อง ดูแล ช่วยเหลือกัน เป็นหูเป็นตาให้กันเพื่อช่วยกันปกป้องดูแล เพื่อไม่ให้ลูกหลานของเรา ต้องตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหมือนดังที่ผมเคยได้กล่าวไว้ว่า ประชาชนคือตำรวจ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนหากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน